วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2560

การกรอกใบสมัครทุนรัฐบาลญี่ปุ่น

การเตรียมใบสมัครทุน
ประกาศการรับสมัครจะแจ้งที่เว็บของสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม และรับสมัครประมาณต้นเดือนมิถุนายน โดยทางสถานทูตจะมีเอกสารหลักๆอยู่ 3 อย่างดังนี้
1.       Announcement     อันนี้เป็นรายละเอียดทุนทั่วไป ได้แก่
-          คุณสมบัติผู้ที่จะสมัครทุน เช่น เกรด*** อายุ สัญชาติ
-          Fields of study – เค้าจะแยกให้ดูว่าอยากเรียนสาขานี้จะอยู่หมวดไหน ไว้ใช้ดูว่าต้องสอบวิชาอะไร แล้วถ้าจะเลือกสาขาอันดับต่อๆมาจะเลือกอันไหนได้บ้าง
-          ข้อมูลทุนทั่วไป เช่น จะได้รับทุนตั้งแต่เมื่อไหร่ รัฐให้ทุนส่วนไหนบ้าง
-          ช่วงเวลารับสมัคร
-          เอกสารที่ต้องเตรียมไปสมัคร
-          เวลา สถานที่ และวิชาที่ใช้สอบตามหมวดที่เราเลือกใน Fields of study
-          วันประกาศผลข้อเขียน วันสอบสัมภาษณ์และวันประกาศผล กำหนดการคร่าวๆของ final selection
-          การติดต่อสอบถาม
-          ฯลฯ
กำหนดการค่อนข้างคล้ายกันทุกปี(มีปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย)อยากให้เอามาลองอ่านคร่าวๆก่อน เผื่อมีบางอย่างที่ต้องเตรียมตัวก่อน เช่น การขอลดหย่อนเกรด
*** เกรดทั่วไปสำหรับคนที่ไม่มีพื้นภาษาญี่ปุ่น หรือไม่เคยสอบวัดระดับจะอยู่ที่ 3.80 แต่!!!! เอกสารข้างต้นจะระบุรายละเอียดเรื่องการลดหย่อนเกรดสำหรับคนที่เคยสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น หรือมีผลการสอบ EJU (แต่ต่อให้ลดหย่อนสูงสุดแล้วเกรดก็ยังต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 3.30)
2.       Application เป็นใบสมัคร หลักๆจะมีให้เขียนข้อมูลส่วนตัว แล้วก็สาขาที่จะไปเรียนพร้อมเหตุผล จะกล่าวอย่างละเอียดในหัวข้อถัดไป
***ส่วนนี้แต่ละปีจะค่อนข้างคล้ายกัน เอามาดูแนวๆการเขียน เช่น เหตุผลที่จะไปเรียนสาขานั้นๆ ก่อนก็ได้ แต่อย่าเพิ่งกรอกไปเลย แต่ละปีจะมีการปรับแก้เล็กน้อยรอฉบับของปีนั้นๆมากรอกดีกว่า
3.       Admission Form    เป็นใบเข้าห้องสอบ ครึ่งนึงเจ้าหน้าที่จะเก็บไว้ (อันนี้ไม่เขียนให้ดูนะคะมันนิดเดียวเข้าใจง่ายว่าควรเขียนอะไร)


การเขียนใบสมัคร (Application)
****ส่วนนี้อ้างอิงจากของปี 2017 แต่ละปีอาจมีการปรับแก้ ดูไว้แต่เพียงเป็นแนวทาง
ชื่อที่ใช้ในใบสมัครด้านล่างนี้ไม่ใช่ชื่อของผู้เขียนนะคะ เอามาจากอนิเมะเรื่อง yuri on ice 55555

เกริ่น
          - กรอกใบสมัครจะเขียน(ปากกาน้ำเงิน/ดำ)หรือพิมพ์ก็ได้ค่ะ แต่ส่วนตัวใช้เขียนปากกาเอา เผื่อต้องแก้จริงๆจะได้แค่ลบเล็กๆแล้วแก้ ไม่งั้นมันจะแบบ เอ้ย อันอื่นพิมพ์อันนี้เขียน5555
          - ใช้ภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่นะคะ (แต่ส่วนตัวช่วงที่เขียนบรรยายเยอะๆ แบบทำไมเรียนอันนี้ก็เขียนแบบปกติไป เจ้าหน้าที่ที่สถานทูตก็ไม่ว่าอะไรนะคะ หรือจะเขียนตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดก็ไม่น่ามีปัญหานะคะ)
         

*(1)
1. ต้องเลือก major ให้อยู่ในหมวดเดียวกัน (วิชาสอบเหมือนกัน)
- เช่น เลือกอันแรกเป็น Chemistry (U2 Natural Sciences A – สอบ eng phy chem math 2) แล้วอันสองเป็น Sociology (U1 Social Science sand Humanities A – สอบ eng math 1) อันนี้ไม่ได้
- เลือกอันแรกเป็น Chemistry (U2 Natural Sciences A – สอบ eng phy chem math 2) แล้วอันสองเป็น Medicine (U2 Natural Sciences C – สอบ eng bio chem math 2) อันนี้ก็ไม่ได้
- แต่!!! ถ้าเลือกสองอันแรกเป็น Natural Sciences C (มีแค่ medicine กับ dentistry) แล้ว อันที่สามจะใช้ของ Natural Sciences B ก็ได้
2. ทุนไม่ได้บังคับว่าต้องเลือกทั้ง 3 อันดับ เลือกแค่ 2 หรือ 1 อันดับก็ได้ ถ้าอันอื่นเราไม่สนใจ เช่นอยากเรียนหมอที่นู่น ถ้าได้หมอฟันก็ไม่เอาก็ไม่ต้องเขียนหมอฟันไป เขียนแค่หมออันเดียวก็ได้ค่ะ
3. ไม่จำเป็นต้องเลือกอันที่เนื้อหาคล้ายกันแบบในตัวอย่าง (ทุกอันมีส่วน chemistry แบบเห็นได้ชัด) แต่เวลาเขียนเหตุผลก็ต้องเขียนให้มันเชื่อมกันนิดนึง(มีให้เขียนเหตุผลที่เลือกในหน้าต่อๆไป) ซึ่งถ้า 3 อันมันคล้ายๆกันมันก็จะเขียนเหตุผลง่ายขึ้นไม่ย้อนแย้ง
- เช่น ส่วนตัวเลือก วิศวะคอม วิศวะไฟฟ้า วิศวะเคมี ไป มันดูไม่ค่อยเข้ากันเลยเนอะ5555 แต่ตอนเขียนเหตุผลเราก็เขียนไปว่าเออที่เลือกอ่ะ เพราะเราสนใจเรียนต่อด้านวิศวะชีวการแพทย์ตอน ป.โท ซึ่ง 3 สาขานี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญ ทำนองนี้

*(2)
อันนี้ไม่จำเป็นต้องสอบก็ได้ อาจจะดูดีหน่อยตอนสอบสัมภาษณ์ ถ้ารู้ญี่ปุ่นแค่นิดหน่อยก็อย่างเพิ่งสอบเลยค่ะ ถ้าผ่านสัมภาษณ์แล้วทางสถานทูตจะจัดให้สอบอีกทีสำหรับคนที่ยังไม่สอบ ไม่งั้นเราอาจจะต้องอ่านทั้งวิชาหลักแล้วก็ภาษาด้วย บางคนอาจจะจัดการเวลาไม่ทัน แต่ถ้าแม่นแล้วเคยสอบวัดระดับภาษามาแล้วก็สอบดูก็ดีค่ะ

*(3) อันนี้ขอโทษจริงๆค่ะ จำไม่ได้ว่าเขียนว่ายังไงแต่คร่าวๆประมาณว่า expected certificate of upper secondary education แต่ไม่แน่ใจเลยไม่เขียนไปในรูป แต่วันส่งใบสมัครจะมีวิธีการเขียนแปะอยู่รอบๆห้องสมัคร ลองไปเช็คดูเพื่อความแน่ใจอีกทีนะคะ


 *(4)
1. ให้เขียนเหตุผลว่าทำไมอยากเรียนต่อด้านนี้ ก็เขียนตามเหตุผลของเราเลย อาจเอาปัญหาในประเทศมาเขียนว่าเราอยากกลับมาพัฒนาส่วนนี้แล้วที่ญี่ปุ่นด้านนี้ก็เจริญก้าวหน้ามากเลยอยากไปศึกษา ทำนองนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปแบบนี้ก็ได้ค่ะอันนี้เขียนเป็นแนวเฉยๆ แต่อย่าเขียนไปแบบสั้นๆห้วนๆนะคะ อธิบายหน่อย พอให้ได้ใจความแล้วก็ไม่ต้องยาวมากถึงขนาดต่อแผ่นใหม่ พอดีๆก็พอ
2. ส่วนตรงนี้ผู้เขียนตอนเขียนส่งไปใช้แบบอักษรปกติ(ไม่ได้เขียนตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด)อ่ะค่ะ เพราะรู้สึกอ่านง่ายกว่าแล้วเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เขียนตัวพิมพ์ใหญ่ไปทั้งหมดก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ





*(5)
          ก็พยายามหาจุดเชื่อมโยงของสามหัวข้อที่เลือกไว้ตอนแรก แล้วก็เขียนออกแนวภาพรวมว่าเราอยากเรียนอะไร เช่น การเกษตร หรือปัญญาประดิษฐ์
*(6)
          อันนี้ตามแต่ศรัทธาเลยค่ะ55555 แต่เขียนแนวชื่นชมด้านระเบียบวินัย เทคโนโลยี หรือว่าหาข้อมูลว่าสาขาที่เราไปเรียนญี่ปุ่นเค้าท็อปด้านไหน (เช่น ส่งออกและพัฒนา....มากสุด/ท็อป 5 ในอาเซียน/โลก ก็ว่าไป) ก็จะเป็นทางการกว่าเขียนว่าชอบการ์ตูน หรือเกมนะคะ
*(7)
          ก็เขียนว่ากลับมาไทยแล้วจะทำอะไร อาจจะเขียนแนวๆว่าอยากกลับมาพัฒนาด้านนี้ๆๆในไทย หรืออยากกลับมาเป็นอาจารย์สอน อยากทำวิจัย ก็ว่าไป พยายามเขียนทำนองว่าจะกลับมาพัฒนาประเทศไทยจากความรู้ที่เราเรียนรู้มา
*** อาจจะไม่จำเป็นต้องแนวนี้ก็ได้นะคะอันนี้เขียนให้จุดประกายเฉยๆเผื่อบางคนไม่รู้จะเริ่มยังไง


*(8)
อันนี้เป็นใบขออนุญาตจากผู้ปกครอง เขียนเองได้เลยค่ะ ทางสถานทูตไม่มีแบบฟอร์มให้ (แต่ปีหลังๆอาจจะแนบมาด้วยก็ได้ ลองเช็คดูนะคะ) ไม่ต้องเขียนยาวมากค่ะเนื้อหาแค่ทำนองว่า ข้าพเจ้า(ชื่อผู้ปกครอง)เป็น(พ่อ/แม่/ผู้ปกครอง)ของ(ชื่อเรา)อนุญาติให้(he/she)ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นหากได้ทุน แล้วก็เขียนขึ้นต้นลงท้ายตามแบบการเขียนจดหมาย เซ็นชื่อลงวันที่ แค่นี้ค่ะ

***
ที่ไฮไลท์ไว้สำคัญมากนะคะอยากให้อ่านละเอียดๆแล้วก็เช็คหลายๆรอบ เพราะ
-          -   เอกสารบางตัว บางโรงเรียนใช้เวลาออกค่อนข้างนานเตรียมไม่พร้อมอาจสมัครไม่ทัน ตรวจสอบความถูกต้องตอนรับเอกสารด้วยนะคะ เช่นการสะกดชื่อ เพื่อนผู้เขียนบางคนเขียนถูกหมดเลยแต่บรรทัดสุดท้ายหายไปทั้งบรรทัด โชคดีที่เห็นก่อนเลยมีเวลาแก้
-          -   อย่าลืมนะคะเอกสารทุกอย่างต้องเป็นอังกฤษ ไม่ก็ญี่ปุ่น
-          -   รูปถ่ายดูขนาดให้ดี เอารูปไปเผื่อมากกว่า3ก็ดีเผื่อปลิวหาย เขียนชื่อเราด้านหลังรูปด้วยเผื่อมันหลุด
-          -  อยากให้เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนให้แน่ใจก่อนวันสมัคร เรียงเอกสารให้เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ประกาศอะไรก็ตั้งใจฟัง ถ้ามีอะไรที่ต้องแก้จะได้ทำได้ตั้งแต่ตอนนั่งรอสมัคร จะได้เสร็จเร็วๆเพราะมีคนรอสมัครอีกเยอะ เราก็จะได้รีบกลับ
-          -  มีเอกสารแบบสอบวัดระดับภาษามาก่อนก็เอาไปเผื่อเป็นหลักฐานด้วยนะคะ

แนะนำเพิ่มเติม
-          -  วันสมัครพยายามไปก่อนเวลาเปิดห้องสมัครเพราะจะมีคนไปรอเยอะอยู่ รีบเข้าไปหยิบบัตรคิวเป็นคนต้นๆจะได้เสร็จไวๆ เพราะต่อให้ไปหลังเปิดห้องแค่ครึ่งชั่วโมงก็ได้บัตรคิวไกลเหลือเกิน รอนานมากๆค่ะ5555
-          -  แอบกระซิบสำหรับน้องบางคนที่โรงเรียนชอบออกเอกสารให้ช้าแบบ3-4วันถึงจะได้ พยายามไปตั้งแต่วันที่ 1-2 เลยนะคะเผื่อเอกสารผิดพลาดจะได้กลับไปขอใหม่แล้วทันวันศุกร์พอดี
-          -  บางคนชอบขอเอกสารไว้ล่วงหน้ามากๆ ดูวันหมดอายุด้วยนะคะ

-          -  เขียนใบสมัตรเสร็จแล้วถ่ายเอกสารไว้ชุดนึงก็ดีนะคะ เพราะตอนสัมภาษณ์เค้าก็ใช้ที่เราเขียนไปมาถาม ไม่ถ่ายเก็บไว้เดี๋ยวจะลืมว่าเขียนอะไรไป5555




1 ความคิดเห็น:

  1. ขออะไรไว้ติดต่อได้ไหมครับ อยากถามหลายๆเรื่องเลยเช่นใบสมัครต้องปริ้นออกมาเองหรืออะไรยังไงครับ

    ตอบลบ