การเตรียมตัวสอบข้อเขียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น
เนื้อหาที่จะเขียนต่อไปนี้เป็นเนื้อหาของวิชา
ฟิสิกส์ เคมี คณิตศาสตร์(B) และ ภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นวิชาสอบของ
Natural science A แต่วิชาเคมี คณิตศาสตร์(B) และ ภาษาอังกฤษ
สามารถใช้ดูเป็นแนวทางการเตรียมตัวสอบ Natural science B ได้เช่นกันค่ะ
1.
ลักษณะข้อสอบแต่ละวิชา
ในที่นี้จะบอกลักษณะและองค์ประกอบคร่าวๆของข้อสอบเก่าที่ค้นหามา
***ขอย้ำว่าไม่จำเป็นต้องเป็นรูปแบบนี้เท่านั้นทุกปี
อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ (ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างของปี 2010
ที่ลักษณะข้อสอบเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน)
1.1 เคมี
จะมีทั้ง (1) เลือกคำตอบแบบ 4-5 ตัวเลือก
(2)
เลือกคำตอบแบบหลายตัวเลือก มีได้ทั้งข้อใหญ่และข้อย่อย (หลายตัวเลือก เช่น
มีชื่อปฏิกิริยาทั้งหมดที่เราเรียน 11 ชื่อ แล้วให้เลือกไปตอบว่าแต่ละข้อย่อยตรงกับปฏิกิริยาอันไหน
บางทีก็ใช้ซ้ำได้)
(3) เติมคำ มีทั้งแบบคำนวณและเขียนชื่อสาร
(เครื่องคิดเลขนำเข้าไปไม่ได้นะคะ)
1.2 คณิตศาสตร์
-
มี 3 ข้อใหญ่ ข้อใหญ่แรกจะแยกเป็นข้อย่อยประมาณ
5 ข้อ ข้อใหญ่อีก 2 ข้อจะเป็นโจทย์ใหญ่มาเลยแล้วถามย่อยราวๆ 2-3 คำถามต่อข้อ
ปีเก่าๆจะเป็นแสดงวิธีทำแต่ปีล่าสุดเป็นเติมคำตอบค่ะ
1.3 ฟิสิกส์
-
มี 5 ข้อใหญ่
มีข้อย่อยประมาณ 3- 5 ข้อย่อย เป็นตัวเลือกทั้งหมด
1.4 อังกฤษ
เป็นตัวเลือกทั้งหมด
มี 6 ข้อใหญ่ แบ่งเป็น
-
ข้อใหญ่ 2 ข้อแรก แต่ละข้อใหญ่มี 10 ข้อย่อย มีทั้งเรื่องvocab แล้วก็พวกสันธาน บุพบท phrasal verb แล้วก็
grammar นิดหน่อย
-
ข้อใหญ่ถัดมาเป็นข้อสอบ error 4 ตัวเลือก 10 ข้อ
-
ข้อใหญ่ถัดมาเป็น cloze test 4 ตัวเลือก 10 ข้อ
- ข้อใหญ่ 2
ข้อสุดท้ายเป็นอ่านเนื้อเรื่องแล้วตอบคำถาม ข้อใหญ่ละ 5 ข้อย่อย
2.
การเตรียมตัวสอบของแต่ละวิชา
เริ่มแรกขอเกริ่นเล็กน้อยนะคะ
คือว่าหลักสูตรญี่ปุ่นที่นำมาออกข้อสอบกับหลักสูตรไทยอาจจะมีบางส่วนไม่ตรงกัน เช่น
คณิตศาสตร์เรื่องแคลคูลัส
ทางญี่ปุ่นจะมีบางหัวข้อเพิ่มมานิดหน่อยเรื่องการหาพื้นที่ และปริมตาร แล้วก็เนื้อหาบางส่วนหัวข้ออาจจะเหมือนกันแต่เหมือนทางญี่ปุ่นอาจจะเน้นไม่เหมือนเรา
เช่น เคมี พวกเรื่องปฏิกิริยาเคมี พวกสีสารทำนองนี้ แต่ไม่ได้ต่างกันมาก
ไม่ต้องกังวลค่ะ เนื้อหาส่วนนี้สามารถเรียนรู้ได้จากการทำโจทย์ข้อสอบเก่าค่ะ
ความจริงหลักสูตรทางญี่ปุ่นเปลี่ยนช่วงปี2015
ถ้าอยากรู้หลักสูตร หัวข้อของแต่ละวิชาแนะนำให้ไปถ่ายเอกสารด้านหลังหนังสือข้อสอบ
EJU 2015ปลายปี
**หนังสือข้อสอบเก่า
EJU ขอยืมถ่ายเอกสารได้ที่ สมาคมนักเรียนเก่าไทยญี่ปุ่น(สนญ) กับ JASSO
(แถวอโศก สุขุมวิทย์ ตึกเสริมมิตร)ซึ่งทาง JASSO มีบริการให้คำปรึกษาเรื่องการศึกษาต่อญี่ปุ่นได้ฟรีค่ะ
2.1 เคมี
แนะนำให้ฝึกทำ
1.
ข้อสอบเก่า
-
โดยเฉพาะข้อใหญ่ที่เป็นเรื่องสารอินทรีย์ออกหลายปีมากๆ(ที่เป็นแผนภาพหลายๆอันเชื่อมกัน)
เราอาจจะไม่ได้เรียนตรงๆเนื้อหาแบบเค้า
แต่สามารถค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ตแล้วเขียนสรุปได้ค่ะ
-
จะมีเนื้อหาบางส่วนที่เราไม่คุ้น
แนะนำให้ลองเปิดในอินเทอร์เน็ตหาดูค่ะ สามารถเข้าใจได้ไม่ยากจนเกินไป
เราอาจไม่เข้าใจแนวความคิดทั้งหมดอย่างจริงจัง
แต่อย่างน้อยก็อยากให้รู้คร่าวๆว่าโจทย์แบบนี้คืออะไร คำนวณยังไง
(เพราะความจริงบางส่วนไทยเราไม่เน้นมาก พูดพอประมาณแล้วมาพูดอีกทีอย่างละเอียดตอนมหาลัย
แต่ถ้ามานั่งอ่านของมหาลัยด้วยอาจจะรู้สึกว่ามันใช้เวลามากเกินไป
ถ้าเทียบกับที่ต้องเตรียมตัวเรื่องอื่นๆ
แต่ถ้ามีเวลาจะนั่งทำความเข้าใจอย่างจริงจังเลยก็ได้ค่ะ
แต่เผื่อเวลาของส่วนอื่นๆด้วยนะ)
2.
ข้อสอบ EJU ปี2013 ถึง ปัจจุบัน (EJU จะมีสอบปีละ 2 ครั้ง ดังนั้นจะมีให้ทำอย่างน้อยประมาณ 8 ชุดได้ ) ข้อสอบ EJU จะช่วยพวกเนื้อหาข้อกาหน้าแรกๆที่เป็นพวกสีสารหลังเกิดปฏิกิริยา
กับปฏิกิริยาควรรู้ แล้วก็เติมคำบางข้อเช่นพวกเรื่องไฟฟ้าเคมี
2.2 คณิตศาสตร์
-
เหมือนปีหลังๆจะค่อนข้างเน้นแคลอ่ะค่ะ
มีการอินทรเกรทหาพื้นที่ใต้กราฟ
กับอินทริเกรทหาปริมาตรที่เกิดจากการหมุนรูปรอบแกน(ที่จะมีแบบจานกับแบบทรงกระบอก+โจทย์แอบทำให้อลังการณ์ขึ้นอีกนิดโดยการบอกให้หาพื้นที่ส่วนที่ซ้อนทับกันของทรงกระบอก2อัน)เข้ามาด้วย
-
ใครงงแนะนำให้ลองศึกษาเองตามคลิปต่างๆ
แนะนำ khan academy ค่ะ เป็นภาษาอังกฤษแต่เข้าใจง่าย สั้นๆ
กดsubได้ ไม่ได้ยากเกินกว่าจะเข้าใจได้ค่ะ ลองดูนะคะ
-
เนื้อหาเรื่องอื่นกับข้อสอบเก่าก็ยังต้องฝึกทำนะคะ
-
ปีล่าสุดที่สอบไม่มีแสดงวิธีทำแล้วนะคะ
เป็นเติมคำตอบหมดเลย ข้อใหญ่จะเป็นแบบมี 2-3 ข้อย่อยคะแนนค่อนข้างมาก ถูกก็ได้แต้มเยอะ
ผิดก็หายหมดไม่มีแบ่งให้คะแนนเป็นตอนๆนะคะ (แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาใช้แสดงวิธีทำแบบเดิมอีกรึเปล่า)
2.3 ฟิสิกส์
แนะนำให้ฝึกทำ
1.
ข้อสอบเก่า
อย่างน้อยๆก็เรื่องงาน
พลังงาน ไฟฟ้า(อ่านตัวเก็บประจุไปด้วยก็ดี พวกคำนวณน่ะ) สนามไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
กลศาสตร์ แสง เสียง(Doppler) แม่นๆหน่อยก็ดี
2. ข้อสอบ College
of Technology (บางข้อน่าสนใจก็เคยเอามาออกซ้ำ
คงไม่พลาดบ่อยๆแต่ก็อ่านไปเป็นแนวโจทย์ที่ดีค่ะ)
***พวกข้อสอบเก่าบางทีมีแต่เฉลยไม่มีแสดงวิธีทำให้
แนะนำให้ลองพิมโจทย์ทั้งข้อลงgoogleไปเลย มันจะมีคนชาติอื่นเค้าถามไว้ก่อนอยู่แล้ว
ก็ไปดูเอาว่าเค้าคิดยังไง อ่านหลายๆคอมเม้นให้แน่ใจนะ บางคนเค้าแอบตอบมั่วก็มี5555
2.4 ภาษาอังกฤษ
-
ก่อนอื่นขอยอมรับ ณ
ตรงนี้ว่าส่วนตัวแล้วภาษาอังกฤษค่อนข้างมีปัญหา เลยอาจจะแนะนำไม่ได้มาก
แต่ถ้าเอาวิธีส่วนตัวเลย คือตอนนั้นเอาศัพท์ SAT ที่เป็น flashcard มานั่งท่องอ่ะค่ะ ไม่ได้บอกว่าศัพท์ SAT
มันออกเยอะนะคะ (ความจริงศัพท์อย่างอื่นก็นั่งท่องเหมือนกัน)
แต่ที่มานั่งท่องเพราะส่วนตัวคิดว่าศัพท์ SAT มันแปลกสำหรับเรา
การเจอศัพท์พวกนี้บ่อยๆนานๆน่าจะช่วยให้ความรู้สึกกลัวเวลาอ่าน passage แล้วแปลไม่ออกมันเบาบางลงบ้าง ซึ่งส่วนตัวก็ว่าโอเคระดับนึงนะคะ
เจอคำมึนๆในห้องสอบก็ลนน้อยลง นอกจากนี้ก็มีทำพวกอ่านบทความ error กับ cloze test ด้วยค่ะ ทำเยอะๆบ่อยๆก็จะดี
ที่เคยอ่านตอนเตรียมตัวสอบก็เห็นเค้าว่า TU-GET กับ CU-TEP
ก็โอเค
-
ข้อสอบ error ของทุนญี่ปุ่นเป็นที่กล่าวขานวาน่ากลัวก็จริง
บางคนก็บอกให้ทำส่วนอื่นให้หมดก่อนแล้วค่อยมาทำอันนี้ทีหลังเพราะมันยากแต่คะแนะก็เท่ากับข้ออื่น
แต่โดยส่วนตัวแล้วแนะนำให้ตั้งสติแล้วลองอ่านดูนะคะ
อย่างน้อยๆก็ให้ตัดตัวเลือกออกได้บางข้อ ข้อไหนมึนอย่าเพิ่งรีบมั่ว เว้นไว้ก่อนทำจบข้อใหญ่แล้วลองมาอ่านอีกทีกันสมองเบลอ
ไม่อยากให้มั่วไปก่อนแล้วคิดว่าค่อยมาทวนทีหลังเพราะส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีเวลาทวน
แต่ตรงนี้ก็แล้วแต่ว่าแต่ละคนถนัดทำแบบไหนด้วยแหละค่ะ555
-
ข้อบทความแอบอ่านคำถามก่อนก็ดีนะคะ
บางทีจะพอจับได้คร่าวๆว่าบทความจะพูดเรื่องอะไร
ถ้าเหลือบมองแล้วแอบเห็นว่าข้อไหนที่มันดูดีกว่าข้ออื่นๆแล้วน่าจะเป็นคำตอบแอบติ๊กไว้ก็ดีนะคะ
เผื่ออ่านไม่ทันจริงๆก็เดาอันนั้นไป
***คนที่ไม่ชอบท่องศัพท์เสนอวิธีทำ flashcard ค่ะ เอามาพลิกดูบ่อยๆน่าจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ
***ตอนท่องศัพท์พยายามหาพวกที่เขียนต่างกันนิดหน่อย
หรือพวกความหมายใกล้กันแต่ใช้คนละกรณี หรือพวกตัวไหนกริยาตัวไหนนาม ก็เอามาท่องด้วยนะคะ
สรุป
- เคมี EJU + ข้อสอบเก่า
- ฟิสิกส์
col of tech + ข้อสอบเก่า (+EJU)
- เลข ข้อสอบเก่า + แคล****ดิฟ อินทิเกรท (+EJU)
- อังกฤษ
ข้อสอบเก่า+ฝึกๆๆ
ความจริงอยากให้ลองทำข้อสอบเก่าของทุกวิชา
ซักสองรอบก็ดี(แต่เว้นช่วงหน่อยนะ)โดยเฉพาะข้อที่ซับซ้อนแล้วตอนแรกทำไม่ได้หรือผิดเพราะเลินเล่อ(ทำจนมั่นใจว่าทำได้นะ)
ส่วนที่วงเล็บไว้คืออ่านทัน
มีเวลาก็เอาไว้ฝึกมือก็ดี พวก college กับ special training ถ้าว่างก็ลองทำดูนะคะ (**แต่ฟิสิกส์อยากให้ลองฝึก college จริงๆนะ โดยเฉพาะข้อยากๆ)
***ทั้งนี้น้องๆควรพิจารณาจัดสรรเวลาให้ดี
เพราะทุนมงจะสอบในช่วงกรกฎาคมซึ่งเป็นช่วงที่น้องๆเปิดเรียนแล้ว
อาจจะมีเวลาว่างแค่ช่วงเย็นหลังเลิกเรียน ถ้าเป็นไปได้ควรลองทำข้อสอบจบ1รอบ+แน่นเนื้อหาตั้งแต่ปิดเทอม
แล้วทวนเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอตอนเปิดเทอมรวมทั้งลองทำข้อสอบอีกรอบนึง
โดยเฉพาะข้อยาก
ปล. ถ้าน้องอยู่ ม.4
ม.5 แนะนำให้ไปปรึกษาJASSO(ถ้าอยากไปญี่ปุ่นนะ)เค้ามีข้อมูลทุนเยอะมากๆ แล้วก็แนะนำดีมากๆ คอยตามข่าวสถานทูตด้วยก็ดีบางทีเค้ามีจัดงานแบบให้มหาลัยญี่ปุ่นมาแนะนำหลักสูตรเค้าเอง
มีโอกาสลองไปก็ดีนะคะ แล้วก็คอยดูบอร์ด
ฟังประชาสัมพันธ์ว่าทางโรงเรียนมีเชิญคนมาแนะแนวทุน หรือมหาลัยบ้างรึเปล่า
ถ้ามีที่สนใจจะได้เตรียมตัวทันโดยเฉพาะเรื่องภาษาและเกรด
ปล.2 ถ้าน้องๆ ม.4 ม.5
ยังมีเวลาว่าง แล้วอยากเรียนต่อที่ญี่ปุ่นจริงๆ
อยากให้ลองเรียนภาษาญี่ปุ่นพื้นฐานดูซักคอร์ส แล้วอ่านเองหรือเรียนคอร์สต่อเรื่อยๆ
สม่ำเสมอ มีโอกาสก็ลองสอบวัดระดับภาษาดู (JLPT) จะได้มีผลงาน
แล้วก็จะได้มีโอกาสมากขึ้นเพราะบางทุนก็อยากได้นักเรียนที่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นมาบ้าง
ถ้าจัดเวลาดีๆมีวินัยหน่อยก็ไม่เสียเวลามากหรอกค่ะ สู้ๆนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น